‘ซีไอเอ’ พบ ‘ประยุทธ์’ หารือความมั่นคงในภูมิภาค ไม่มีประเด็นก่อการร้าย

‘ซีไอเอ’ พบ ‘ประยุทธ์’ หารือความมั่นคงในภูมิภาค ไม่มีประเด็นก่อการร้าย

ซีไอเอ เข้าพบ ประยุทธ์ เพื่อหารือถึงความมั่นคงของภูมิภาค ยืนยันไม่มีประเด็นก่อการร้าย เตรียมเดินทางเข้าพบอีกสองประเทศในอาเซียน ทางสำนักข่าว ไทยรัฐ รายงานหลังจากที่กระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ ซีไอเอ หรือ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทางไทยรัฐระบุว่า นายเดวิด เอส โคเฮน (David S. Cohen) รองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกา เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บนตึกไทยคู่ฟ้า แบบไม่มีวาระงาน

ซึ่งได้มีการหารือถึงประเด็นเสถียรภาพภายในภูมิภาคในภาพรวม 

ประเด็นความมั่นคงรวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา และมีการพูดถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรม เนื่องจากไทยและเมียนมามีชายแดนติดต่อกัน ทั้งนี้เมื่อทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อย การเดินทางกลับประเทศก็จะเป็นเรื่องของความสมัครใจเพื่อหลีกหนีปัญหาอื่นที่จะตามมา นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความร่วมมือระหว่างกัน ที่ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ได้มีการหารือประเด็นเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ รวมทั้งการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและการทหาร ไม่ได้มีการพูดถึงโครงการใหม่หรือเจาะลึกไปในรายละเอียดของแต่ละโครงการ ซึ่งความร่วมมือระหว่างกันระหว่างไทย-สหรัฐฯ ก็ยังคงจะให้การสนับสนุนโครงการ ที่ยังดำเนินการอยู่ตอนนี้ต่อไป รวมถึงการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของไทยในทุกๆ เรื่องในการจัดการประชุมเอเปคในปี 2565

“การหารือกันครั้งนี้เป็นการพูดคุยกันในภาพกว้างทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และความร่วมมือต่างๆ ไม่มีเกี่ยวกับเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ หรือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ( CPTPP) สำหรับประเด็นด้านการเมืองนั้นไทยขอให้สหรัฐฯ เข้าใจบริบทของประเทศไทยในการทำหน้าที่ ซึ่งสหรัฐฯ ก็เข้าใจดีว่าทุกอย่างต้องเป็นกฎหมาย” แหล่งข่าวกล่าว ทั้งนี้นอกจากการเยือนประเทศไทยแล้ว รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนอีก 2 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน

ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า นายกคิดแล้ว หลังจากที่สั่งให้รถทหารวิ่งแทนรถบรรทุก หากกรณีรถบรรทุกหยุดวิ่งประท้วง ปมราคาน้ำมัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ประสานกับกองทัพบกในการใช่รถทหารวิ่งแทนรถบรรทุก หากรถบรรทุกประกาศหยุดวิ่ง เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันให้เหลือ 25 บาทต่อลิตรได้

โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เตรียมการไว้ ยังไม่ได้นำมาขน ถ้าเขาหยุดก็ต้องช่วยประชาชนและผู้ประกอบการ เมื่อถามกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจขัดข้อกฎหมาย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ว่าขัดหรือไม่ขัด แต่เราต้องช่วยประชาชนไว้ก่อน เมื่อถามย้ำว่าประเด็นนี้จะเป็นกระแสโจมตีนายกฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกฯ คิดแล้วถึงทำ

เปิดข้อมูล! จำนวนรถบรรทุก กับ จำนวนรถทหาร เย้ยวิ่งได้กี่น้ำ

คนขับรถบรรทุกร่วม เย้ยวิ่งได้กี่น้ำ หลังส่องข้อมูล จำนวนรถบรรทุก กับ จำนวนรถทหาร พบ จำนวนรถบรรทุก ในระบบมีมากกว่าล้านคัน จากกระแสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมได้ประสานงานกับกระทรวงคมนาคมให้ใช้รถทหารในการขนสินค้า หลังจากที่รัฐบาลไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันให้ต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตร ตามคำเรียกร้องได้

โดยทางเพจ Drama Addict ได้นำ นำสถิติของรถบรรทุกในประเทศไทย ซึ่งจุดทะเบียนในปี 2561 เทียบกับปริมาณของรถทหารที่สแตนด์บายรอไว้ มานำเสนอ พร้อมตั้งคำถามว่า อยากรู้ว่าจะวิ่งแทนได้กี่น้ำ สถิติพบว่า รถบรรทุกที่ใช้ส่งสินค้าทางถนน ที่ลงทะเบียนเอาไว้มีทั้งหมด 1.1 ล้านคัน แบ่งเป็น

1. รถบรรทุกส่วนบุคคล ที่ใช้ขนส่งสินค้าในกิจการของตัวเอง จำนวน 8.1 แสนคัน

2. รถบรรทุกรับจ้างขนส่งสินค้าไม่ประจำเส้นทาง จำนวน 3.1 แสนคัน

เมื่อเทียบกับสถิติรถบรรทุกที่กองทัพบกเตรียมเอาไว้วิ่งแทนรถบรรทุก มีเพียงแค่ 3,700 คันเท่านั้น หากเทียบปริมาณกันแล้ว ก็ต่างกันมากโข ต่อให้รถบรรทุกนัดประท้วงหยุดวิ่งแค่ 1% จากปริมาณรถที่จดทะเบียนทั้งหมด (11,000 คัน) รถทหารที่เตรียมไว้ก็ไม่สามารถวิ่งได้อย่างครอบคลุมแน่นอน หรือถ้านับเฉพาะในส่วนรถรับจ้าง 3.1 แสนคัน หากหยุดวิ่ง 1% (3,100 คัน) จำนวนรถทหารก็พอวิ่งแทนได้แบบฉิวเฉียดเท่านั้น

นอกจากนี้ สถิติยังระบุอีกว่า ในช่วงปี 2559-2561 อัตราการเติบโตของรถบรรทุกรับจ้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.8% ต่อปี ส่วนรถบรรทุกส่วนบุคคล ลดลงเฉลี่ย 1.5% ต่อปี นั่นหมายความว่า คนเน้นใช้รถบรรทุกรับจ้างในการขนส่งมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนของกิจการ และรถบรรทุกรับจ้างมีความชำนาญในการขนส่งมากกว่า รวมถึงปัจจุบันอยู่ในปี 2564 ตัวเลขสถิติตามแนวโน้มน่าจะมากกว่าที่มีอยู่อีก

ถ้าเราสภาพจิตใจพร้อมกว่านี้ จะมาเล่าเรื่องราวโดยละเอียด ถ้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ต้องการจะบิดเบือนสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น ก็ลองดู เราพร้อมจะเปิดเผยทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีภาพและเสียง ตอนนี้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว” การให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตย่อมทำให้ประชาชนได้ใช้เจตจำนงในการเลือกตั้งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า